สามเกลอรีมิกซ์ (ตอนต่อมาอีกเล็กน้อย)
เจ้าแห้วเดินเข้ามาเอานิ้วเขี่ยขาชายบนหลังม้าเบา ๆ แล้วยกมือไหว้
"รับประทาน แฮ่ะ ๆ กระผมชื่ออ้ายแห้วครับ เป็นขี้ข้าของพวกคุณ ๆ นี่อีกที"
ชายบนหลังม้าหันมามองเจ้าแห้วอย่างเคือง ๆ
"อืม อ้ายเจ้านี่เต็มที ข้ายังมิได้ถามก็มาสะกิดบอกให้รู้แน่ะ สำคัญ ๆ ข้าของพวกเจ้านี่"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เอ่ยถามชายบนหลังม้าอย่างนอบน้อม
"แล้วท่านคือผู้ใดกันล่ะจ๊ะ พวกฉันนี่จะได้เรียกท่านถูก"
ชายบนหลังม้ายิ้มให้เจ้าคุณอย่างปราณี
"ข้าชื่อหลวงตั้งกระบัง"
นิกรกระซิบข้างหูอาเสี่ย
"ว้า อย่างนี้สงสัยชอบเปิดหน้าผากแหง ๆ เลย ลองตั้งกระบังละก็"
อาเสี่ยกระทุ้งชายโครงนิกรดังบึ้ก
"เฉย ๆ ไอ้เวร"
"ข้าเป็นขุนนางฝ่ายในสังกัดกรมพระกลาโหม มีหน้าที่ฝึกทหารในกองสังกัดสมเด็จวังหน้าท่าน ซึ่งท่านกำลังจะบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แทนพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เอ่ยถามขึ้นว่า
"คุณหลวงหมายถึงสมเด็จพระนเรศวรใช่ไหมขอรับ"
หลวงตั้งหระบังพยักหน้า
"ใช่แล้ว อ้อ พวกออเจ้าอยากเป็นทหารบ้างไหมเล่า"
คณะพรรคต่างกระตือรือล้นอยากเป็นทหารตามคำชวนของหลวงตั้งกระบัง
"ถ้ากระนั้น เจ้าจงไปพักที่เรือนของข้าก่อนเถิด แล้วจึงค่อยไปถวายตัวในวันพรุ่งนี้"
- 6 -
ค่ำแล้ว
ภายในกำแพงเมืองพระนครศรีอยุธยาดูเงียบสงบไม่มีการมหรสพใด ๆ หลวงตั้งกระบังบอกกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ หรือที่เรารู้กันในตอนนี้ว่าเจ้าอู๊ดว่า ตอนนี้ประชาชนทั้งปวงล้วนอยู่ในอาการโศกเศร้าเพราะเพิ่งสิ้นพระมหากษัตริย์ไป อีกไม่กี่วันก็จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระนเรศวรขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ จากนั้นก็จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพต่อไป
หลวงตั้งกระบังขี่ม้าเดินมาช้า ๆ มาตามถนนป่าโทนซึ่งเป็นถนนรีพาดตามยาวของตัวเมืองไปทางตะวันตกคณะพรรคเดินผ่านด้านข้างของวัดพระราม ต่างก็พากันยกมือไหว้องค์พระปรางค์ใหญ่ในวัด เมื่อมาถึงสี่แยกตะแลงแกงหลวงตั้งกระบังลงจากหลังม้าแล้วหันหน้าไปทางทิศเหนือคุกเข่าลงบนพื้นถนน คณะพรรคเห็นดังนั้นก็ทำตาม เบื้องหน้านั้นคือวิหารพระมงคลบพิตร เลยไปอีกเป็นวัดพระศรีสรรเพชรและพระบรมมหาราชวังไกลออกไป
"พวกเจ้าจงนั่งประนมมือแล้วถวายบังคมพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวเถิด เจ้าไม่มีโอกาสได้ถวายบังคมท่านในวัง ก็จงใช้โอกาสนี้ถวายแด่ท่านเสีย"
แล้วหลวงตั้งกระบังก็นำคณะพรรคถวายบังคม แล้วลุกขึ้นจูงม้าเดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนนท้ายวังหรือถนนมหารัฐยา
บ้านของหลวงตั้งกระบังเป็นหมู่เรือนไทยยกพื้นสูงขนาดใหญ่ อยู่ปลายถนนมหารัฐยา ด้านหลังติดคลองฉะไกรน้อย ข้าทาสและบริวารมากมายดูคึกคักเต็มเรือนไปหมด ขณะนี้ได้ตามไฟต่าง ๆ มากมายจนสว่างราวกับกลางวัน
หลวงตั้งกระบังเดินนำคณะพรรคขึ้นบันไดเรือน
"ขึ้นมาบนเรือนก่อนเถิดออเจ้า กินข้าวกินปลาให้อิ่มหนำแล้วจึงค่อยพูดธุระกัน"
เวลานั้นข้าทาสบ่าวไพร่ต่างสาละวนลำเลียงอาหารหวานคาวนานาชนิดขึ้นมาบนเรือนนั่ง นิกรเมื่อได้กลิ่นอาหารก็ท้องร้องจ๊อกดังลั่นจนหลวงตั้งกระบังสะดุ้งหัวเราะแล้วหันมาหานิกร
"เอ้า เจ้าพระเอกยี่เกนี่หิวข้าวจนท้องร้องดังขนาดนี้เจียวรึ"
นิกรยิ้มเอียงอาย
"... ง่า ... ขอรับท่าน คือลูกช้างไม่ได้รับประทานอาหารดี ๆ อย่างนี้มาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่ออกจากบ้านมา ครั้งนี้เห็นจะเป็นบุญของลูกช้าง อู๊ย นั่น ดังอีกแล้วขอรับ"
หลวงตั้งกระบังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นึกชอบใจในอัธยาศัยของคณะพรรค ทาสคนหนึ่งของหลวงตั้งกระบังยกคณโฑใบหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ กิมหงวนจ้องตามตาเขม็งแล้วทำท่าขย้อย
"อ้าว แล้วเจ้าโย่งโก๊ะนี่เป็นอันใดไปอีกคนแล้ว ทำท่าขย้อน ๆ ดังนั้น"
กิมหงวนกลืนน้ำลายลงคอ 5 ครั้งติด ๆ กัน
"อ็อก ... อู๋ย ... คือว่า ลูกช้างก็เป็นเหมือนอ้ายกรขอรับ แต่ต่างกันที่ว่า ลูกช้างอยากไอ้ในขวดนั้นมากกว่าขอรับ"
"อ๋อ อยากเหล้าดอกรึ ได้สิ ไอ้มี มึงไปเอาเหล้าใต้ถุนเรือนมา วันนี้ข้าจะเลี้ยงรับเกลอใหม่ของข้า"
เมื่อเหล้ายาปลาปิ้งพร้อมพรัก เสียงสรวลเสเฮฮาก็ตามมา ทุกคนคุยกันสนุกสนาน ยกเว้นนิกรคนเดียวที่ไม่ยอมคุยกับใคร เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน
โดยคุณ : สมนึก สมนาค 415 -
[ 20 ก.ค. 2002 , 21:53:02 น. ]
|