มาแล้วครับตามคำขอ "บ้านผีสิง"......
** บ้านผีสิง **อาเสี่ยกิมหงวนของเรา ได้ซื้อตึกและที่ดินแห่งหนึ่งไว้ทางบางกะปิ ในราคา ๕๖๐,๐๐๐ บาท ซึ่งนับว่าถูกมาก เพราะมีเนื้อที่ดินเกือบ ๒ ไร่ ตัวตึกขนาดกลางแบบทันสมัย เพิ่งสร้างได้ห้าหกปีเท่านั้น
เจ้าของเดิมเป็นข้าราชการบำนาญคนหนึ่ง มีราชทินนามเป็นคุณพระ และธิดาสาวของท่านเป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอของนวลละออ พระประกอบ ฯ ดำเนินการค้าผิดพลาด ทำให้ท่านสิ้นเนื้อประดาตัวถึงกับขายบ้าน พาครอบครัวไปอยู่บ้านสวน มัลลิกาธิดาของพระประกอบ ฯ เป็นผู้อ้อนวอนนวลละออให้รับซื้อบ้านและที่ดิน ที่กล่าวนี้ไว้ ตอนแรกเสี่ยหงวนไม่สู้จะเลื่อมใสอะไรนัก แต่เสียอ้อนวอนเมียไม่ได้ก็ตกลงรับซื้อไว้ โดยไม่มีความหมาย
หลังจากโอนโฉนดที่ดินชำระเงินเรียบร้อย พระประกอบ ฯ ก็พาครอบครัวของท่านอพยพไปจากบ้านบางกะปิ
กิมหงวนดำริห์จะสร้างฮาเร็มของเขาขึ้นที่นั่น แต่นวลละออยื่นคำขาดว่าขืนตั้งเป็นหัวแตก อาเสี่ยจึงไม่กล้า นวลละออเป็นเจ้ากี้เจ้าการประกาศหนังสือพิมพ์ให้เช่าตึกหลังนั้น เพื่อเก็บค่าเช่าเป็นผลประโยชน์
ในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท แป๊ะเจี๊ยะอีกหมื่นสอง มิสเตอร์แรงกินชาวอังกฤษได้ตกลงเช่าตึกหลังนั้นเป็นที่อยู่อาศัย โดยไม่ต้องทำสัญญาเช่า เพราะนวลละออไม่หวังที่จะทำนาบนหลังคน แบบเจ้าของบ้านเช่าโดยมาก เอาเปรียบขูดเลือดเนื้อผู้เช่าด้วยประการทั้งปวง
มิสเตอร์แรงกิน พาครอบครัวมาอยู่ได้สัปดาห์เดียวก็มาบอกคืนบ้านหลังนั้น โดยให้เหตุผลว่ามันเงียบและเปล่าเปลี่ยวเกินไป ภรรยาของเขาไม่ชอบความว้าเหว่ เขาจะไปเช่าบ้านใหม่อยู่ทางถนนสาธร
ต่อมาไม่ช้านายเฮงไล้อาเสี่ยเจ้าของโรงเลื่อย ได้มาขอเช่าตึกนั้นจากกิมหงวน เพื่อให้วงศาคณาญาติทางฝ่ายภรรยาของเขาอาศัยอยู่ อาเสี่ยเห็นเป็นเพื่อนพ่อค้าด้วยกัน ก็ไม่เรียกแป๊ะเจี๊ยะ คงคิดค่าเช่าเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทเท่านั้นเอง ครอบครัวทางฝ่ายภรรยาของนายเฮงไล้ อาศัยอยู่ได้ในราวสามสี่วัน นายเฮงไล้ก็มาบอกคืนตึกหลังนั้น
"ไม่ไหวละโว้ยหงวน บ้านของลื้อผีดุฉิบหายเลย"
เสี่ยหงวนทำหน้าตื่น ๆ
"หา ลื้อว่ายังไงนะ บ้านบางกะปิน่ะเรอะผีดุ"
นายเฮงไล้ทำท่าขนพองสยองเกล้า
"อือ แม่ยายกันลุกออกมาเยี่ยวเจอมันยืนอยู่หน้าห้อง ท่านบอกว่าหัวมันโตเท่าตุ่มน้ำใบย่อม ๆ"
อาเสี่ยยิ้มแห้ง ๆ
"ใครมันเอาตุ่มน้ำครอบกระบาลล้อแม่ยายแกเล่นละกระมั้ง เห็นเป็นคนแก่ก็สัพยอกเล่นสนุก ๆ"
"ปู่โธ่ผีจริง ๆ ให้ตายเถอะวะ เมียกันก็โดน ไปนอนค้างกับแม่ยายได้ครึ่งคืนต้องเผ่นกลับบ้าน พอย้ายไปวันแรกก็เจอดีทีเดียว หล่อนสาบทสาบานว่าไม่ใช่ตาฝาด ขณะที่หล่อนนั่งสวดมนต์บนเตียงก่อนจะนอน มีใบหน้าของปีศาจขนาดเท่ากระด้งและมีแต่คอลอยเข้ามาในหน้าต่าง ลอยเลื่อนเข้ามาจนติดมุ้งส่งเสียงคำรามในลำคอ แม่ศรีหวีดร้องจนสุดเสียง จนกระทั่งน้าชายของแม่ศรีตกใจตื่นคว้าปืนวิ่งเข้าไปดู แล้วคืนวันนั้นเองคุณน้าก็โดนผีหลอก"
เสี่ยหงวนกลืนน้ำลายเอื๊อก
"มันทำยังไง"
"มันเปิดมุ้งเข้าไปหาคุณน้าน่ะซี จับตีนทั้งสองข้างหนีบจั๊กกะแร้แล้วลากออกไปจากห้อง เหมือนกับลากรถเจ๊ก คุณน้าถึงกับช๊อคต้องแก้ไขกันอยู่นาน เป็นอันว่าไม่มีใครนอนหลับ นั่งจับกลุ่มรวมกันอยู่ในห้อง ห้องหนึ่ง ไฟฟ้ามีกี่ดวง ๆ เปิดสว่างหมด แล้วใครจะไปอยู่ได้วะ ดุอะไรอย่างนี้ มันเกินผีเสียแล้ว"
"เอ- กันสงสัยเสียแล้วเฮงไล้ คนมันทำเป็นผีหลอกกระมัง"
"คนที่ไหนเล่า บ้านของเราใครจะเข้ามาพลุกพล่าน แล้วผู้ชายในบ้านก็มีแต่คุณน้าคนเดียวเท่านั้น"
เป็นอันว่าผู้เช่ารายที่สอง ซึ่งเป็นเพื่อนของกิมหงวนก็ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นอีก ดร. ดิเรกให้ความเห็นว่ามันไม่ใช่ผีแน่นอน ต้องเป็นคนแถวนั้นที่แกล้งทำเป็นผี โดยมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างหนึ่ง นายแพทย์หนุ่มยืนยันว่า ผีไม่ใช่สสาร ผีไม่มีตัวตน และคนฉลาดย่อมคิดว่าผีเป็นเรื่องเหลงไหลเลอะเทอะไร้สาระ
นวลละออส่งเจ้าคงคนใช้เก่าแก่ของบ้าน "พัชราภรณ์" ไปเฝ้าบ้านนั้น และให้นำประกาศไปปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้านบอกใช้เช่า
เจ้าคงเผ่นมากลางดึก เล่าให้ใครต่อใครฟังว่า ให้เอาไปตัดหัวขั้วแกงก็ไม่ยอมไปเฝ้าบ้านหลังนั้น เพราะเจ้าคงได้เผชิญกับปีศาจร้ายมีแต่ตัวหัวไม่มี เดินเพ่นพ่านอยู่บนตึกชั้นบน ส่งเสียงร้องโหยหวนตลอดเวลา บางทีก็มีเสียงหัวเราะต่อกระซิก เสียงปลุกปล้ำกัน.....
...ไปอ่านต่อจนจบได้ ในห้องสมุดหนังสือเก่านะครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ
โดยคุณ : โก๋หลังวัง -
[ 11 มี.ค. 2544 , 22:41:48 น. ]
|