ตอบ
ตอนวันตรุษจีนตอนจบ....สมนึกเดินเข้ามาฉุดแขนเจ้าแห้วลุกขึ้น แล้วพาออกไปจากห้องโถง อาเสี่ยมองดูลูกชายสุดสวาทของเขาอย่างรำคาญ
เจ้าสี่คนนี้มันต้องแก่นแน่ ๆ เพราะคุณอาหญิงคอยให้ท้ายมัน
เอ้า-ก็มันเป็นเด็กนี่นา คุณหญิงเถียง
คร๊าบ อีกหน่อยเจ้านึกมันก็คงขี่คอผม คุณปู่คุณย่าคุณตาพะเน้าพะนอจนเป็นเทวดาไปหมดแล้ว
ทุก ๆ คนหัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน อีกสักครู่หนึ่งเสียงกลองและล่อโก๊ก็ดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว และใกล้เข้ามาทุกที คณะพรรคสี่สหายต่างลุกขึ้นพากันเดินออกไปทางหน้าตึก ลงบันไดมาข้างล่าง ที่สนามหน้าตึกมีโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวปูผ้าขาว ตั้งอยู่บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องเส้นสังเวยหมูเห็ดเป็ดไก่ ซึ่งคุณหญิงวาดได้จัดขึ้นสำหรับผีเรือนที่คุ้มครองรักษาบ้านพัชราภรณ์ อันที่จริงวันนี้ไม่ใช่วันเส้นไหว้ แต่คุณหญิงท่านจัดขึ้นเป็นพิเศษ และหลังจากที่ผีเรือนกินแล้ว เครื่องสังเวยเหล่านี้จะเป็นอาหารเช้าของคณะพรรคสี่สหาย สิงโตน้อยเต้นก๋าเข้ามาพ่อนพเชิดอย่างคล่องแคล่ว พ่อดำรงค์ถือหางวิ่งตุปัดตุเป๋ พ่อสมนึกกระหน่ำกลองโดยไม่มีจังหวะจะโคน พ่อพนัศตีล่อโก๊ บรรดาวงศาคณาญาติยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร มองดูลูกสิงโตอย่างชื่นชม เจ้าแห้วถือพานใส่เทียบเดินเข้ามาก้มศีรษะโค้งคำนับ
รับประทานโต้ถีโต้ถ่านครับ
กิมหงวนหัวเราะ ล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรปึกหนึ่งส่งให้เจ้าแห้ว พ่อนพหยุดเต้นชั่วขณะตะโกนถาม
เท่าไหร่ ตาแห้ว
เจ้าแห้วหันไปตอบ
รับประทาน ๓๐๐ ครับ
สมนึกตะโกนขึ้นดัง ๆ
หยุด-หยุด พวกเราไม่เต้นโว้ย สิงโตชั้นนี้แล้วต้องพันบาทถึงจะเต้น
กิมหงวนยิ้มให้ลูกชายของเขา
ไม่เต้นก็ตามใจ
นพโยนหัวสิงโตทิ้งโครม พูดกับเพื่อน ๆ ของเขา
ร้องไห้โว้ยพวกเรา ไม่ได้ ๑,๐๐๐ บาท ร้องไห้ให้มันตายเลย หนึ่ง-สอง-สาม- พนัศ นพ ดำรงค์และสมนึกต่างกระแทกตัวลงนั่งเหยียดเท้าบนพื้นดินร้องไห้จ้า พ่อสมนึกถึงกับตีอกชกหัวนอนกลิ้งไปมา หน้าเขียวเพราะความโมโห
ว้าย ๆ ๆ คุณหญิงร้องลั่น นิ่ง-นิ่งเสียลูก ย่าให้อีก ๗๐๐ เป็นพัน
พูดจบท่านก็ล้วงมือลงไปในอกเสื้อ หยิบธนบัตรใบละร้อยออกมานับได้ ๗ ฉบับรีบส่งให้เจ้าแห้วทันที เจ้าแห้วยิ้มแป้น
คุณหนู-คุณหนูครับ ได้ ๑,๐๐๐ บาทครับ
พวกสิงโตหยุดร้องไห้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามกัน ต่างลุกขึ้นปัดฝุ่นตามเสื้อกางเกง พ่อนพคว้าหัวสิงโตขึ้นเชิดต่อไป เสียงกลองและล่อโก๊ดังขึ้นอีก
"แช็ง ตุ้ง แช็ง ตุ้ง แช็ง ๆ เช็ง ชิ ตุ้งแช็ง ๆ ตะลุ่งตุ้งแช่ง ชิ-แช็ง ตุ้ง ๆ ๆ ตุ้งแช็ง ๆ "
พ่อนพเต้นได้ดีมาก ขยับหัวสิงโตไปมา แม่งามทั้งสี่หัวเราะงอหาย ชื่นชมในลูกหลานของตน
อือ
อาเสี่ยครางหันวาพูดกับนิกร
อ้ายพวกนี้มันสำคัญโว้ย ยังกะสิงโตอาชีพ
นิกรหัวเราะ มือขวาหยิบตะเกียบคีบปลาจาระเม็ดในจาน ๆ หนึ่ง มือซ้ายล้วงซองธนบัตรกิมหงวน
น่าเอ็นดูมาก
อาเสี่ยชำเลืองมองดูมือนิกร ซึ่งกำลังดึงซองธนบัตรออกมา
เฮ้ย ๆ อยากติดตะรางวันชิวอิ้ดรึ ชะ-ช้าอย่าล้วงคองูเห่าหน่อยเลยวะ
นิกรยิ้มแห้ง ๆ
เปล่าน่า ล้อเล่น
สิงโตน้อย ๆ เชิดอยู่ในราว ๑๐ นาทีก็หยุดเชิดวางหัวสิงโตลง นัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาของพ่อนพจ้องมองดูเจ้าคุณปัจจนึก ฯ แกหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วพูดกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ
หนูเหนื่อยแล้วฮะคุณตา คุณตาเชิดให้หนูดูบ้างซีฮะ
ท่านเจ้าคุณทำคอย่น
ไม่เอาโว้ยตาเชิดไม่เป็น
พ่อนพหน้างอทันที
ซีคุณตาเชิดให้ดูหน่อย คุณย่ามาถือหาง
คุณหญิงหัวเราะคิ๊ก
ยุ่งใหญ่แล้วตานพ ไปเล่นกันเองไปลูกไปผลัดกันเชิด
พ่อนพเต้นเร่า ๆ เหมือนม้าพยศ
ไม่เอาหนูอยากดูคุณตาเชิด
นิกรพูดกับพ่อตาของเขา
คุณพ่อก็เชิดให้หลานมันดูหน่อยเป็นไรเล่า
เอ๊ ข้าเชิดไม่เป็นนี่หว่า
ประไพว่า ก็เชิดส่งเดชซีคะคุณพ่อ
ว้า บอกว่าเชิดไม่ได้ แล้วกัน เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดเสียงดุ ๆ
สมนึกยกมือตบบ่าพ่อนพ
ร้องไห้โว้ยพวกเรา ไม่เชิดร้องไห้เป็นลมชักแหง่ก ๆ เลย เอา-หนึ่ง-สอง-สาม
พอสิ้นคำว่าสาม พ่อหนูน้อยทั้งสี่ก็ร้องไห้จ้า ใครมีเสียงเท่าไรก็ตะเบ็งออกมา เจ้าแห้วมองดูอย่างหมั่นไส้ นึกรำพึงในใจว่า ถ้าเป็นลูกหลานของเขาละก็ เขาคงเตะคอขาดแน่ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เม้มริมฝีปากแน่น คุณหญิงวาดรีบลนลานก้มลงหยิบหัวสิงโตส่งให้ท่าน
เอาซีคะ
อะไรเล่า คุณหญิง เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตวาด
"ก็เชิดสิงโตให้หลานมันดู โธ่ดูซีคะร้องไห้ชักดิ้นชักงอไปตามกัน ว้าย-ตายแล้วพ่อนพ"
ทุกคนต่างมองดูพ่อนพซึ่งกำลังนอนกลิ้ง ซอยเท้าถีบอากาศร้องไห้จ้า และยกมือน้อย ๆ ทั้งสองข้างบีบคอตัวเอง เพื่อต้องการตายไปจากโลกนี้ เพราะคุณตาขัดใจไม่ยอมเชิดสิงโตให้ดู เจ้าคุณปัจจนึก ฯ นัยน์ตาเหลือกรีบคว้าหัวสิงโตมาจากคุณหญิง แล้วร้องบอกพ่อหนูทั้ง ๔
"เฮ้ย-หยุดร้องไห้โว้ย"
เสียงร้องไห้เงียบกิบทันที ดำรงค์จ้องตาเขม็งมองดูคุณตา ยกมือปัดเส้นผมพลางพูด
"คุณตากับคุณย่าต้องเชิดสิงโตก่อน ม่ายงั้นหนูร้องไห้คอหอยแตกตายเลย"
สมนึกพูดเสริมขึ้น
"เอายังงี้ดีกว่า เอานิ้วทิมลูกนัยน์ตาเราให้บอดก็แล้วกัน คุณตาอยากไม่เชิดสิงโต หนึ่ง-สอง"
"เฮ้ย" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตะโกนสุดเสียง "อย่า อย่าโว้ย ตาเชิดให้ดูเดี๋ยวนี้"
พ่อเทวดาทั้งสี่ยิ้มแป้นไปตามกัน ต่างคนต่างลุกขึ้นยืน สมนึกปราดเข้าคว้ากลอง เริ่มต้นโหมโรงทันที พ่อนพตีล่อโก๊ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ จำเป็นต้องเชิดสิงโตเพื่อถนอมน้ำใจหลาน
"ตุ้งแช็ง ๆ ตะลุ่งตุ้งแช็ง ตุ้งแช็ง ฯลฯ "
คณะพรรคสี่สหายต่างหัวเราะงอหาย คุณหญิงวาดถือหางเก้ ๆ กัง ๆ ถูกเจ้าคุณปัจจนึก ฯ เหยียบเท้าร้องลั่น สิงโตแก่เต้นไปได้สักครู่ สมนึกก็หยุดตีกลองโบกมือให้ยุติการแสดงชั่วขณะ แล้วก็จ้องมองดูหน้าเจ้าคุณปัจจนึก ฯ พลางทำปากแบะเหมือนกับจะร้องไห้
"ไม่ยอม - ไม่ยอมแล้ว"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะ
"ไม่ยอมอะไรวะ เจ้านึก"
"สิงโตทำไมหัวล้านล่ะ นึกไม่ยอมนึกจะดูสิงโตหัวไม่ล้าน"
สี่สหายหัวเราะลั่น เจ้าคุณปัจจนึก ฯ คว้างหัวสิงโตทิ้ง
"เลิก - ไม่เล่นโว้ย"
พ่อหนูน้อยทั้งสี่ยิ้มแป้นไปตามกัน นพพูดกับเพื่อน ๆ ของแก
"ไปเล่นกันที่เรือนต้นไม้เถอะพวกเรา วันนี้เราต้องเชิดสิงโตกันทั้งวันเลย ใครห้าม เราต้องร้องไห้ ไปโว้ย"
เสียงเฮฮาดังขึ้น ต่างคว้าหัวสิงโตและเครื่องบรรเลง พากันวิ่งไปยังเรือนต้นไม้ เจ้าแห้วติดตามไปด้วยในฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงสิงโตน้อย ๆ ท่านผู้ใหญ่มองดูหน้ากันแล้วสั่นศีรษะ
"เป็นไงหลานเจ้าคุณ"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ สัพยอกเพื่อของท่าน ประมุขบ้านพัชราภรณ์ยิ้มแห้ง ๆ
"หลานผมมันก็หลานเจ้าคุณนั่นแหละ"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะ
"ก็นั่นน่ะซี ดู ๆ มันจะกลายเป็นพ่อเราแล้ว ไม่ตามใจมันก็ไม่ได้"
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ถอนหายใจเบา ๆ
"เห็นจะต้องเฆี่ยนกันเป็นงานใหญ่สักที"
คุณหญิงวาดลืมตาโพลง
"ก็ลองดูซีคะ เจ้าสี่คนของดิฉันถูกเฆี่ยนวันไหนละก็ ชิ๊บหายแน่"
คุณแม่ของคุณหนูอมยิ้ม รู้ดีว่าคุณหญิงวาดรักและตามใจลูกของหล่อน ราวกับดวงใจของท่าน กิมหงวนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองดูเวลา แล้วพูดกับท่านผู้ใหญ่ทั้งสาม
"เชิญรับประทานอาหารกันเถอะครับ ๒ โมงครึ่งแล้ว ประเดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมโรงเลื่อยโรงสีและอู่เรือของผม เอาเงินไปแจกพวกกรรมกรเขา"
นิกรว่า "อันที่จริงไม่น่าจะต้องลำบากเลย มอบเงินให้กันไปแจกแทนแกก็ได้"
อาเสี่ยหัวเราะ
"ลำบากนักกันไปเองดีกว่า ขืนให้แกเอาไปน่ากลัวมันจะไปไม่ถึง ง่า - เจี๊ยะโว้ยพวกเรา"
ครั้นแล้วคณะพรรคสี่สหาย ก็เข้านั่งประจำที่ นิกรเริ่มลงมือกินอาหารเป็นคนแรก
ตอนเที่ยงวันนั้นเอง สตู๊ดเก๋งสีองุ่นแล่นมาหยุดที่ปากตรอกบ้านของอาเสี่ยกิมหงวน ที่ถนนพาหุรัด เจ้าแห้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ แล้วเปิดประตูตอนหลังให้นายของเขา พล นิกร กิมหงวนและ ดร. ดิเรกแต่งกายแบบสากล แต่เสื้อกางเกงยับยู่ยี่ ทุกคนมึนเมาแทบจะไม่มีสติ หน้าตาแดงก่ำไปตามกัน ออกจากบ้านพัชราภรณ์ ๑๐ น. เศษ กิมหงวนก็พาเพื่อนของเขาตระเวนไปทั่วพระนคร เยี่ยมเยียนเพื่อนพ่อค้าของเขา ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวจีน แล้วก็ไปตามโรงเลื่อยโรงสี อู่ต่อเรือของเขา แจกจ่ายเงินให้กรรมกรโดยทั่วหน้า อันเป็นกิจซึ่งเขาปฏิบัติมาทุก ๆ ปี สิ้นเงินไปหลายหมื่นบาท ทุก ๆ แห่งได้ต้อนรับอาเสี่ยด้วยเหล้าและอาหารดี ๆ นิกรกินจนกระทั่งต้องอ้วกทิ้ง เขายอมสารภาพว่าในปีนี้แหละเขาเจี๊ยะมากที่สุด หลังจากเยี่ยมเยียนท่านผู้ใหญ่และมิตรสหายโดยทั่วหน้าแล้ว กิมหงวนก็พาเพื่อนเกลอทั้งสาม มาหาเจ้าสัวกิมไซผู้เป็นลุงของเขา และเป็นผู้ดูแลบ้านไทยแท้ของเสี่ยหงวน เจ้าแห้วทำตาปริบ ๆ เมื่อแลเห็นเจ้านายนั่งซึมกระทืออยู่ในรถ เขาเองก็ดื่มมากเหมือนกันแต่ยังมีสติอยู่บ้าง
"รับประทานถึงแล้วครับ ว้า-แย่โว้ย คุณครับ - ฮี้ รับประทานถึงแล้ว"
กิมหงวนลืมตามองดูโลก
"ถึงไหนวะ"
เจ้าแห้วหัวเราะ
"บ้านอาเสี่ยน่ะซีครับ"
"แล้ว - แล้วแกพาฉันมาทำไม"
เจ้าแห้วเกาศีรษะ
"รับประทานอาเสี่ยบอกให้ผมพามาที่นี่ครับ"
อาเสี่ยพยักหน้า
"เอา - มาก็มา"
พูดจบเขาก็ปลุกเพื่อนเกลอทั้งสามให้ลุกขึ้น นิกรลืมตาโพลง ลกแขนบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวแล้วร้องยี่เกเสียงแจ๋ว
"วันเอ๋ยวันนี้ สุขเกษมเปรมปรีดิ์แม่เอ๋ยสนุกถึงใจ วันตรุษจีนมันช่างครึกครื้น ชาวจีนสดชื่นผิดกว่าตรุษไทย ถึงคราวสงกรานต์ไม่มีใครรู้ มันช่างน่าอดสูเสียนี่กระไร เสียงเจ๊กขายปลาปล่อยฟังแล้วมันน้อยใจ"
"เฮ้ย" ดิเรกเอ็ดตะโร "ยูเป็นบ้านี่มันกลางถนนโว้ย"
นิกรอมยิ้ม
"ใครบอกแกล่ะว่ากลางถนน ในรถต่างหาก"
ดิเรกจุ๊ย์ปาก
"ก็รถมันจอดบนถนน"
"อ้อจริงโว้ย"
สี่สหายพากันเดินลงจากรถ เดินโซซัดโซเซเข้าไปในตรอกบ้าน ไม่สนใจกับใครต่อใครที่พากันมองดูเขา พอเข้ามาในบ้านไทยแท้ สี่สหายก็แลเห็นคนใช้ชายหญิงนั่งจับกลุ่มเลี้ยงเหล้ากันอยู่ที่หน้าตึก การกินเลี้ยงชะงักลงเพียงชั่วขณะ บรรดาคนใช้ต่างลุกขึ้นยืนต้อนรับอาเสีย และยกมือไหว้สี่สหายอย่างนอบน้อม พล นิกร กิมหงวนกับดิเรกต่างทักทายโดยทั่งหน้า ชายกลางคน ๆ หนึ่งพูดกับนิกรเบา ๆ
"เสี่ยไม่แต๊ะเอียพวกเราบ้างหรือครับ"
นิกรหัวเราะ
"นั่นแน่ วันนี้กันเป็นอาเสี่ยไปแล้ว ได้ซีพี่ชาย ที่มานี่ฉันตั้งใจจะแจกเงินพวกแกทุก ๆ คน "
พูดจบนายการุณวงศ์ก็ล้วงกระเป๋าหยิบใบละร้อยบาทปึกหนึ่งออกมานับได้ ๑๘ ฉบับเท่าจำนวนคนใช้ แล้วส่งให้นายลิ้มคนใช้เก่าแก่ของกิมหงวน
"เอ้า เอาไปแบ่งกันคนละ ๑๐๐ บาท สำหรับลื้อให้ ๓๐๐ บาท"
นายลิ้มยกมือไหว้ปะหลก ๆ
"ขอบคุณครับ"
กิมหงวนมองดูนิกรอย่างแปลกใจ
"อือ - ไหนแกว่าแกไม่ได้เอาเงินติดตัวมายังไงล่ะ"
นิกรหัวเราะ
"ก็ไม่ได้เอามาน่ะซี"
"อ้าว แล้วเงินนี่
"
"อ๋อ เงินของเจ้าดิ้เรกมัน"
ดร. ดิเรกใจหายวาบ ยกมือคลำกระเป๋ากางเกง
"เฮ้ย"
นิกรอมยิ้ม
"ไม่ต้องเฮ้ย กันแจกเขาไปแล้ว"
ดิเรกทำปากจู๋
"มายก๊อด แกเป็นไวเหมือนจิ้งจก ว้าแย่เลย"
กิมหงวนหัวเราะลั่น
"เจ้ากรมันนั่งซบบ่าแกมาตลอดทาง กันนึกสงสัยอยู่เหมือนกัน" พลพูดพลางล้วงกระเป๋าหยิบซองธนบัตรออกมา พลกับกิมหงวนต่างจ่ายเงินให้พวกคนใช้ชายหญิงโดยทั่วหน้า ทุกคนได้ให้ศีลให้พลด้วยน้ำใสใจจริง ขณะนั้นเจ้าสัวกิมไซท่านลุงของกิมหงวน ได้พาร่างอันชราของแกเดินออกมาจากห้องกลางอย่างรีบร้อน ใบหน้าของท่านเจ้าสัวยิ้มแย้มแจ่มใส แกสวมกางเกงแพรปังลิ้นสีดำใหม่เอี่ยม เสื้อกุยเฮงแพรสีขาว
"อาหงวน" เจ้าสัวร้องขึ้นดัง ๆ
สี่สหายหันมาทางชายชรา ต่างยกมือไหว้แสดงความเคารพ
"สวัสดีครับอาแป๊ะ" พลพูดนอบน้อม
"อ้อ - ซาหวักลีทุกคง ๆ นอกจากอ้ายหงวน แฮ่ะ ๆ เป็นยังไงอาคุงหมอ"
ดิเรกหัวเราะ
"ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่อาแป๊ะเถอะ ผมยังจะต้องมาฉีดยาให้อีกหลายเข็ม
"
เจ้าสัวขยิบตาไม่ให้ดิเรกพูด แล้วแกก็พูดกับสี่สหาย
"ปาย - ไปในห้อง กับข้าวเหล้าอั๊วมีแยะ วันนี้ต้องกิงกังให้จ้ำบ๊ะเลย ปูเหลียวอาแป๊ะจะชวนพวกลื้อไปที่บ้านลื้อ เลี้ยวไปหาเจ้าคุงวิจิก ฯ เยี่ยมเยียงกังกิงเหล้ากัง"
สี่สหายอมยิ้มเดินตามเจ้าสัวกิมไซเข้าไปในห้องกลาง ซึ่งมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจีน และเหล้าฝรั่งอย่างดี นิกรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่สามารถกินอะไรได้อีกแม้แต่คำเดียว เพราะมันล้นอยู่ที่คอหอย
๑๓ น. เศษ สี่สหายกับเจ้าสัวกำลังกินเหล้าและสนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่ในห้อง นิกรมานะกัดฟันพยายามกินไก่ตอนได้อีกครึ่งตัว เสียงกลองสิงโตดังกังวานขึ้นที่หน้าบ้าน สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องกลาง รายงานให้สี่สหายทราบ อย่างกระหืดกระหอบ
"คุณคะ พวกคุณแดงที่บ้านเอาสิงโตมาเชิดค่ะ"
พล นิกร กิมหงวนและดิเรกสะดุ้งโหยง
"ฮ้า ? ลูกฉันน่ะเรอะ"
พลถามโดยเร็ว
"ค่ะ คุณพนัศ คุณนพ คุณดำรงค์กับคุณสมนึกค่ะ"
"ไอ๊ย่า" เจ้าสัวร้องอุทาน "มังมายังไงกันโว้ย"
ทุกคนพรวดพราดลุกขึ้นรีบออกไปจากห้องกลาง สิงโตน้อยกำลังเชิดอยู่หน้าบันไดตึก เจ้าแห้วยืนหน้าเซ่ออยู่ข้างหลัง พ่อสมนึกเป็นคนเชิด นพถือหาง ดำรงค์ตีกลอง และพนัศตีล่อโก๊ เจ้าสัวเห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานชาย ก็ชื่นใจเหลือที่จะกล่าว แกวิ่งลงบันไดตรงเข้าไปสวมกอดสิงโตน้อย ๆ ที่เป็นหลานของแกจูบซ้ายจูบขวา การแสดงสิงโตชะงักลงทันที
"มันน่ารักจริง ๆ โว้ย ฮ่ะ ๆ อานึกของก๋ง ลื้อเต้งสิงโตเก่งมาก จูบอีกทีวะ"
สมนึกยิ้มแป้นกอดคอก๋งแล้วฉอเลอะ
"ก๋งต้องแต๊ะเอียหนูนะ"
เออ - เอา ๆ เอาเท่าไร"
"คนละพันบาทฮะ"
"เอา ๆ สี่คนสี่พันบาทก๋งให้" พูดจบก็ล้วงกระเป๋าเสื้อกุยเฮงออกมานับส่งให้พ่อหนูน้อยทั้งสี่คน คนละ ๑,๐๐๐ บาท กิมหงวนกลืนน้ำลายเอื๊อก กล่าวถามเจ้าแห้ว
"เจ้าสี่คนนี่มันมากันยังไงกันวะ"
เจ้าแห้วหัวเราะ
"รับประทานมารถสามล้อสองคันครับ"
นิกรนัยน์ตาเหลือก
"มากันตามลำพัง"
"ครับ รับประทานคุณสมนึกจ่ายค่าสามล้อไปคันละ ๑๐๐ บาท ผมขอคืนเจ้าคนรถไม่ยอม"
ดร. ดิเรกครางเบา ๆ
"มายก๊อด พรุ่งนี้ต้องเอาไปส่งโรงเรียนแล้ว"
พลพูดกับเจ้าสัวกิมไซ
"อาแป๊ะจะไปบ้านผมก็ไปซีครับ ไปพร้อมกันเดี๋ยวนี้แหละ เจ้าสี่คนนี้มันยุ่งกันใหญ่แล้ว อยู่ถึงพญาไทดันนั่งรถสามล้อมาถึงนี่ ป่านนี้ทางบ้านคงตามหากันใหญ่"
เจ้าสัวหัวเราะชอบใจ ยกมือตบศีรษะพนัศ
"พวกลื้อมันเก่งมาก ฮิ ฮิ น่ารักมาก ไม่ต้องกลัวใคร พ่อลื้อตีอั๊วหล่าเลย"
แล้วแกก็หันมาทางสาวใช้คนหนึ่ง
"อากิมหงโอ๊ย ตีสายไปบ้านเจ้าคุงปาสิก ฯ โว้ย บอกว่าเหล็ก ๆ สี่คงอยู่ที่นี่ อั๊วกำลังจะพาไปส่งบ้านเหลียวนี้"
สาวใช้รับคำสั่งแล้ววิ่งขึ้นไปบนตึก
ต่อจากนั้นสี่สหาย ก็พาเจ้าสัวกิมไซและลูก ๆ ของตนออกไปจากบ้านไทยแท้ เจ้าแห้วทำหน้าที่แบกหัวสิงโตและเครื่องบรรเลงตามไป.
*********
จากชุดวัยหนุ่มเล่มที่ ๑๐๔ ถูกล๊อตเตอรี่ครับ : )
โดยคุณ : โก๋หลังวัง -
[ 22 ม.ค. 2544 , 22:36:28 น.]
|