ความประทับใจของผมที่มีต่อสามเกลอพล นิกร กิมหงวน
|
จำได้ว่าผมได้พบกับสามเกลอพล นิกร กิมหงวน โดยบังเอิญอย่างยิ่งในตอนที่ผมอยู่ ป.2 หรือ ป.3 เพราะว่าที่บ้านเกิดของผมที่ต่างจังหวัดทำธุรกิจค้าขาย แทบทุกวันจะมีสินค้าหลายกล่องส่งมาจากทางกรุงเทพฯ และแล้ววันหนึ่งผมก็พบกับสามเกลอเล่มแรกในชีวิตของผม เป็นสามเกลอในชุดวัยหนุ่มตอน "แม่งามชื่น
สมัยเด็กๆ นั้นผมเรียนหนังสือค่อนข้างปานกลาง แต่ตั้งแต่ ป.3 เป็นต้นมา จนกระทั่งในปัจจุบันที่ผมมีงานมีการทำแล้ว ผมได้ชื่อว่าเป็นคนที่ "หัวดี
ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดที่เกิดจากการอ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวนคือ ถ้ามีคนมาถามผมในสมัยนั้น (แม้กระทั่งในสมัยนี้) ว่าโตขึ้นผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นอะไร แทนที่ผมจะตอบว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ หรือครู เหมือนที่เด็กสมัยนั้นเขาตอบกัน ผมจะตอบอย่างฉะฉานเลยว่าผมอยากจะเป็นนักเขียน ในสมัยเรียน ม.1 ที่โรงเรียนบดินทรเดชา ผมได้เขียนบทละครโดยตัดทอนมาจากสามเกลอชุดวัยหนุ่มตอน "หมอดูแม่นๆ
แม้ว่าผมจะมีความฝันอยากเป็นนักเขียนอย่างแรงกล้า แต่งานที่ผมเขียนอย่างจริงๆ จังๆ ก็มีเพียงไม่กี่เรื่อง และมีเพียงเรื่อง "ใต้ร่มแอร์
สิ่งที่ผมมีมาคู่กับความฝันที่อยากจะเป็น คือความฝันที่อยากจะทำ ผมอยากจะรวบรวมสามเกลอพล นิกร กิมหงวนให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ผมจะให้ลูกของผมในอนาคตได้อ่าน แม้ว่าในอนาคตมันอาจจะชอบอ่าน Dragon Ball หรือชินจัง แต่ผมก็จะใช้วิธีทั้งขู่ทั้งปลอบ ให้ลูกของผมได้สัมผัสกับหนังสือที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์ต่อพวกเขา แต่หนังสือสามเกลอที่พิมพ์ด้วยกระดาษธรรมดานั้นยากต่อการเก็บรักษา และนอกจากนั้นยังมีเพียงไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึงในปัจจุบัน นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ผมได้คิด "ห้องสมุดสามเกลอ
ปัจจุบันนี้ผมเป็นวิศวกร ไม่ได้เป็นนักเขียนอาชีพอย่างที่ได้หวังตั้งใจไว้ ผมยังคงอ่านสามเกลอแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ผมเหงา ตอนที่ผิดหวัง ตอนที่สมหวัง ตอนที่รู้สึกแย่ หรือตอนที่รู้สึกดี ยิ่งอ่านมากเที่ยวขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกสนุกและเข้าใจมากขึ้นทุกครั้ง บางย่อหน้าที่เคยอ่านไม่เข้าใจ ไม่ตลกในสมัยเด็ก พอโตขึ้นได้เห็นโลกมากขึ้น กลับมาอ่านอีกทีความสงสัยหรือความไม่เข้าใจต่างๆ ที่เคยมีก็หมดสิ้นไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งรักสามเกลอพล นิกร กิมหงวน และเคารพชื่นชม ป. อินทรปาลิตมากขึ้นทุกที
ดังนั้นแม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าการได้อ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวน คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม แต่ก็อาจจะกล่าวได้ว่าผมโชคดีมากๆ ที่ได้รู้จักกับสามเกลอเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว นอกเหนือจากบันทึกประวัติศาสตร์ที่ผมซึบซับเข้าไปโดยไม่รู้สึกตัว และนอกเหนือจากเสียงหัวเราะที่ผมได้รับ ผมยังได้รู้จักมองโลกให้เป็น ทุกๆ ครั้งที่ผมเศร้าโศรกเสียใจ ผมจะรู้สึกปล่อยวางอย่างรวดเร็วเพราะผมมียาวิเศษอยู่ข้างตัว ในโลกที่กำลังหมุนเปลี่ยนไปอยู่ทุกวินาที ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมสามารถยืนหยัด และรับรู้รสชาติของชีวิตได้ทุกรูปแบบ แม้กระทั่งรสชาติที่เขาว่ากันว่าขมที่สุดในชีวิต
แมงกะพรุนไฟ
23 พฤศจิกายน 2540
Note: ล่าสุดผมมีผลงานอีก 2 เรื่องคือ (1) "มาฟังเพลงคลาสสิคกันเถอะ" ตีพิมพ์ลงในต่วยตูนปักษ์หลัง เดือนตุลาคม 2542 และ (2) "พล นิกร กิมหงวน กับอินเทอร์เน็ต" ตีพิมพ์ในต่วยตูนปักษ์หลัง เดือนกุมภาพันธ์ 2543
All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace sufers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.