Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

เฮฮากับสามเกลอ



J27: มุขตลกสามเกลอเรื่อง "ยวนยาเหล" สำนักพิมพ์ บันดาลสาส์น ชุดราคาเล่มละ ๒๕ บาท
ช่วยขบร่วมขันโดย: คุณ Pee_man (00334)
เกริ่นเรื่อง: เป็นตอนที่สนุกตอนหนึ่งนะครับ สี่สหายได้รับเชิญไปในงานแต่งงานของเถ้าแก่ไล่ฟัดซึ่งเป็นเพื่อนรักของเจ้าสัวกิมเบ๊ และสี่สหายได้รับความขายหน้าจากการที่รำวงไม่สวยและโดนดูถูกในวงสังคม จึงจ้างครูสาวมาสอนและก็เป็นรื่องเป็นราว ในตอนนี้ได้มีการกล่าวถึงวงดนตรีสุนทราภรณ์ในเรื่องด้วย ชื่อเรื่องนี่มาจากชื่อเพลงยวนยาเหล ไม่ทราบว่ายังเคยได้ยินกันหรือเปล่า ผมเคยได้ยินนักร้องลูกทุ่งเอามาร้องกันทีหลัง ตอนที่อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกก็ยังนึกไม่ออกว่าร้องยังไงเหมือนกัน


..................เสียงดนตรีลีลาศบรรเลงขึ้นอีก ในเพลงใหม่จังหวะควิกสะเต็ป หนุ่มสาวต่างจับคู่ออกลีลาศกันอย่างสนุกสนาน เจ้าสาวเต้นรำกับท่านชายผู้มีเกียรติพระองค์หนึ่ง เจ้าบ่าวเที่ยวเชิญแขกของเขาให้ออกเต้นรำ

นายไล่ฟัดพาร่างอันสูงใหญ่ปานยักษ์วัดแจ้งเดินยิ้มกริ่มเข้ามาที่โต๊ะสี่สหาย ผมของเขาหงอกหมดแล้วสังขารบอกถึงความชราภาพ แต่เนื่องจากเขาเป็นคนร่างใหญ่จึงดูไม่แก่จนเกินไปนัก ประกอบกับทั้งความมั่งมีของเขาทำจิตใจของเขาเป็นสุขอยู่เสมอ เขาปราดเข้ามาก้มตัวลงกอดนิกรแล้วกระซิบข้างหู

"คุณรู้ไหมครับว่า ของขวัญของคุณมีค่าที่สุดสำหรับผม ครีมใส่ผมยารดเล่ย์ ๑ กระปุก และอ้ายพันนั้นอีก ๑ กล่องที่คุณใส่ไว้ในตู้เย็น คุณลืมเอาไว้หรือคุณมีเจตนาให้ผม"

นิกรยิ้มแห้ง ๆ

"ผมตั้งใจให้อากู๋ครับ" เขาเรียกนายไล่ฟัดว่าอากู๋เช่นเดียวกับกิมหงวน

นายไล่ฟัดบีบมือนิกรแน่น

"ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมความเอื้อเฟื้ออันเฉลียวฉลาดและรอบคอบของคุณเลย แฮ่ะ แฮะ เดี๋ยวนี้โลกกำลังเป็นสวรรค์ของผม ผมได้พิสูจน์ให้เพื่อนฝูงเห็นแล้วว่า คนอย่างผมสามารถเอาชนะใจสาวเด็ก ๆ ได้ โอ....โลกหนอโลก คืนนี้ผมจะพาเจ้าสาวน้อยๆ ของผมออกเที่ยวไปชมวิมานเมืองแมน"

นิกรทำหน้าชอบกล

"ถ้ายังไง ๆ ละก้อ อากู๋ต้องนึกถึงสังขารบ้างนะครับ อากู๋เปรียบเหมือนรถยนต์เก่าคร่ำคร่า ลูกสูบชำรุดไดนาโมช๊าทไฟไม่ใคร่ช๊าท หัวเทียนเต็มไปด้วยขี้เขม่า พวงมาลัยหลวมคร่อกแคร่ก ถ้าขับรถเร็วเกินไปไม่ระมัดระวังล้อเกิดหลุดหรือเครื่องตายกลางคัน อากู๋จะต้องเสียเวลาซอมแซมรถอีกนาน"

นายไล่ฟัดหัวเราะชอบใจ หันมายิ้มให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ

"เชิญใต้เท้าอีกสักเพลงซีครับ ขอบคุณมากที่ใต้เท้ากรุณาเปิดฟลอร์ให้เรา"

ท่านเจ้าคุณสั่นศีรษะ

"ไม่ไหวแล้วคุณไล่ฟัด ผมแก่แล้วครับ ไม่ได้เต้นรำมาหลายปีแล้ว ให้เด็ก ๆ เขาสนุกสนานกันเถอะครับเรานั่งคุยกันดีกว่า คุณทำไมไม่ออกไปเต้นล่ะ"

เจ้าบ่าวทรุดตัวลงนั่งข้างเจ้าคุณปัจจนึก ฯ

"ผมกลัวเหนื่อยครับ วันนี้ทั้งวันผมไม่พยายามใช้กำลังลย" แล้วเขาก็หันมาทางสี่สหาย "พวกคุณหลานเชิญซีครับ แขกผู้หญิงอีกหลายคนยังอยู่ว่าง ๆ ไม่รู้จะเต้นรำกับใคร เสี่ยหงวนนำหน่อยซีหลานชาย"

อาเสี่ยพยักหน้ากับพื่อนเกลอของเขา

"เอาโว้ยพวกเรา ออกโชว์ลวดลายหน่อยเถอะวะ"

ดร. ดิเรกสั่นศรีษะ

"กันสมัครนั่งดูดีกว่า"

"อ้าว ทำไมล่ะ ฝรั่งเต้นรำไม่เป็นหรือยังไง" อาเสี่ยสัพยอก

"ชะ ชะ มีหรือวะด๊อกเตอร์ดิเรกเต้นรำไม่เป็น แต่กันไม่ชอบเต้นรำในเมืองไทยโว้ย กันชอบเต้นรำในประเทศอังกฤษ"

นิกรอดหัวเราะไม่ได้

"การลีลาศในเมืองไทยมันต่ำเกินไปยังงั้นหรือ"

"โน มันสูงเกินไปต่างหาก ฝรั่งเขาเต้นรำเพื่อความสุขสนุกสนาน ใครเดินเท้าเป็นรู้จังหวะเพลงนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ออกไปเต้นได้ เขาลีลาศกันตามสบายส่วนคนไทย เต้นรำเพื่อโชว์ลวดลายกัน ใครเต็นสะเต็ปไม่สวยลวดลายไม่ดีก็ถูกซุบซิบนินทา ก็แล้วแกคิดดูซีวะการเต้นรำอย่างคนไทยตัวแข็งมือแข็งเหมือนหุ่นกระบอกเต็มไปด้วยลวดลายแห่งการลีลาศจนกระทั่งพวกฝรั่งเขาขบขัน แกเชื่อว่ามันเป็นความสุขยังงั้นรึ ที่หัวหินแกเห็นหรือเปล่า แหม่มกับฝรั่งแต่งชุดอาบน้ำพากันขึ้นฟลอร์อย่างสนุกสนาน มือไม้ก็เกาะกันไม่ถูก แต่เขาได้รับความสนุกสนานตลอดเวลา พวกเราพอเต้นเสร็จผู้หญิงคู่เต้นมักจะบ่นกระปอดกระแปด นายคนนั้นแข็งไปบ้าง ผิดจังหวะบ้าง สำหรับการลีลาศในประเทศไทย กันชอบดูมากกว่าเต้น"

นายไล่ฟัดกล่าวขึ้นทันที

"นึกว่าให้เกียรติแก่ผมเถอะครับ คุณหมอ โน่น....ลูกสาวผม ๓ คน ลูกเมียเก่าผมนั่งอยู่โต๊ะโน้น เชิญคุณหมอและพวกคุณหลานออกเต้นรำเถอะครับ อย่านึกยังโง้นยังงี้เลย"

ดร. ดิเรกอมยิ้ม เขาพยักหน้ากับเพื่อนเกลอของเขาแล้วพากันไปโค้งสุภาพสตรีที่นั่งอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ ต่อจากนั้น ๔ สหายก็ออกลีลาศกับเขาบ้าง นิกรเต้นได้ย่างงู ๆ ปลา ๆ คุ๋เต้นของเขาคือลูกสาวคนโตของนายไล่ฟัดถูกนิกรเหยียบเท้าเกือบจะหกล้มตั้งหลายครั้ง เสี่ยหงวนวาดลวดลายได้ดีกว่าเพื่อน ตัวตรงเปี๊ยบเหมือนเสาชิงช้า แขนขาแข็งเป็ก ใบหน้าเคร่งขรึมระวังจังหวะ พลเต้นได้ดีพอใช้คู่ของเขาเป็นดาวสังคมที่กำลังเลือกหาผู้ชายที่มีเงินคนใดคนหนึ่งเอามาทำผัว ดร. ดิเรกเต้นกับประกายพฤกษ์แห่งฟ้าบางกอก อีกคนหนึ่งที่มีอายุ ๓๐ ปีแล้วแต่ยังหาผัวไม่ได้ การลีลาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน พอจบเพลงต่างก็ตบมือให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นายไล่ฟัดกล่าวคำขอโทษเจ้าคุณปัจจนึก ฯ แล้วเดินเข้าไปในฟลอร์ยืนประกาศหน้าไมโครโฟน

"ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกีรติอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นทุก ๆ ท่านมีความสุขกันทั่วหน้า"

ใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวตะโกนขึ้น

"อ้ายค้างคาวแก่"

นายไล่ฟัดหัวเราะ

"แกก็แก่ตัวโว้ย ง่า....ท่านทั้งหลาย อันดับต่อนี้ไป ท่านผู้มีเกียรติควรจะลาข้าพเจ้ากลับบ้านได้แล้วเพราะข้าพเจ้าง่วงนอนเต็มทน เจ้าสาวของข้าพเจ้าจะได้พักผ่อน"

คราวนี้เสียงโห่ร้องเกรียวกราวก็ดังขึ้นลั่นบ้าน

"ไม่กลับโว้ย คืนนี้กูจะอยู่จนสว่าง อ้ายโคแก่โว้ย ขอเหล้าอีกสักขวดเถอะเว้ย พวกเราต้องการเล่นรำวงอย่าง่วงนอนนักเลยวะ ถึงอย่างไรก็ไม่พ้นมือเอ็ง"

เสียงหัวเราะเสียงฮาป่า เสียงเป่าปากกระทืบเท้าดังลั่น โคเฒ่าทำหน้าชอบกล เขาพูดไมโครโฟนต่อไป

"ท่านสุภาพบุรุษและกุ๊ยทั้งหลาย ซึ่งเป็นเพื่อนของข้าพเจ้า ต่อไปนี้ขอเชิญท่านเล่นรำวงกันตามแต่อัธยาศัย แต่ไม่ควรจะเล่นให้มันดึกมากนัก โปรดสงสารข้าพเจ้าบ้าง เพราะข้าพเจ้าต้องการอยู่กับเจ้าสาวของข้าพเจ้าตามประสาโคแก่ที่อยากกินหญ้าอ่อนเต็มฟัดแล้ว"

เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีก เพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวต่างฮาป่า และกระเซ้านายไล่ฟัดอย่างสนุกสนานด้วยความเป็นกันเอง ทุกคนรู้ดีว่าเขาพูดเล่นสนุก ๆ ดนตรีลีลาศเริ่มต้นทำเพลงรำวงรุ่นเก่า หญิงสาวนักร้องแห่งวงดนตรี ๓ คนลุกขึ้นยืนร้องเพลงเข้าเครื่องขยายเสียง

ตาแก่อยากมีเมียสาว
ถือไม้เท้ายักแย่ยักยัน
ที่นี่เขามีอะไรกัน
ที่นี่เขามีอะไรกัน
เขาแต่งงานกันแล้วมีรำวง

เจ้าบ่าวเดือดดาลเหลือที่จะกล่าว ส่วนแขกของเขาหัวเราะกันอย่างครื้นเครง นายไล่ฟัดวิ่งเข้าไปที่วงดนตรีแล้วเอ็ดตะโรลั่น "หยุด ๆๆๆๆ เพลงนี้ไม่เอา วั่ทโธ่........"

เสียงดนตรีหยุดลงทันที นักร้องสาวคนหนึ่งลอยหน้าลอยตาถามเจ้าบ่าว

"เพลงนี้ไม่เพราะหรือคะ"

เจ้าบ่าวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอด ๆ

"เพลงน่ะเพราะ แต่ผมไม่ชอบ มันแสลงใจผมและคนแก่อื่น ๆ อีกมากเข้าใจไหม โปรดเปลี่ยนเพลงใหม่ม่ายผมจะไม่จ่ายเงินค่าป่วยการให้พวกคุณ"

นายวงคือ "สุนทราภรณ์" ดุนักร้องสาวของเขา

"แล้วกัน พวกคุณนี่ทำให้ผมถูกเจ้าภาพเขาตำหนิมีอย่างรึ เจ้าภาพท่านแก่จะเข้าโลงแล้ว เจ้าสาวของท่านกำลังเพิ่งแตกเนื้อสาวร้องเพลงยังงี้ก๊อขัดใจเจ้าบ่าวท่านเท่านั้นเอง เอาใหม่เปลี่ยนเพลงใหม่"

แม่นักร้องสาวหันมาค้อนควับ

"ก็พี่เอื้อกระซิบกระซาบให้หนูร้องเพลงนี้แล้วยังจะมาดุอีก"

สุนทราภรณ์ทำคอย่น

"ว้า......แล้วต้องพูดด้วยเรอะ เฮ้.......สมพงษ์ ขึ้นเพลงใหม่"

ดนตรีลีลาศของ "สุนทราภรณ์" ขึ้นเพลงใหม่ทันทีแต่เป็นเพลงเก่าที่ใคร ๆให้ฟังจนเจนหู และนักรำวงยังนิยมอยู่เสมอ เหมือนเพลง "บลูดานู๊ฟ" ของโยฮันสะเตร๊าส์

ยวนยาเหล-ยวนยาเล
หัวใจว้าเหว่
ไม่รู้จะเห่อย่างใด
จะซื้อเปลญวนที่ด้ายหย่อน ๆ
จะเอาน้องนอนไกวเช้าไกวเย็น.......

คราวนี้เจ้าบ่าวยิ้มแก้มแทบแตก ล้วงกระเป๋ากางเกงช๊ากสกิ้นสีเทาหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทใหม่เอี่ยมาปึกเบ้อเริ่มออกมาส่งให้นักร้องสาว

"เอ้า ผมให้คุณเป็นรางวัล แบ่งกัน ๓ คนนะครับ"

นักร้องสาวคนที่ยืนกลางยกมือไหว้นายไล่ฟัดแล้วรับธนบัตรมาถือไว้

"เพลงนี้ท่านชอบหรือคะ"

เจ้าบ่าวยิ้มอาย ๆ

"ครับชอบมาก แก้เนื้อเพลงเสียหน่อยนะครับ อีตอน....จะเอาน้องนอน โปรดแก้เป็นจะเอาหนูนอนจะเพราะขึ้นอีก"

เสียงเพลง "ยวนยาเหล" ดังลั่นบ้าน หนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างออกไปรำวงกันอย่างสนุกสนาน.....................




All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.