Home Page
samgler connection members information discuss library misc. web board contact us

อารัมภบท ป. อินทรปาลิต





ที่มา: ศาลาโกหก
โดย: ป. อินทรปาลิต
  ตีพิมพ์บน Internet โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อการศึกษา
พิมพ์โดย: คุณบุ๊ค



"ศาลาโกหก" เหินห่างท่านไปนาน แต่ตอนนี้ทางสำนักพิมพ์ได้พยายามรีบเร่งจัดพิมพ์เสนอท่านซึ่งปัญหาต่างๆ ในด้านการพิมพ์ก็ผ่านพ้นไปหมดแล้ว ต่อนี้ไปท่านคงจะได้อ่าน "ศาลาโกหก" อย่างน้อยเดือนละ ๒ เล่มละครับ

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนให้ทุกแควนๆ ทั้งหลายได้ทราบอีกครั้งหนึ่งว่า "ศาลาโกหก" เป็นนวนิยายรวมเรื่องสั้นจบในฉบับของผม ผมเขียนคนเดียวทั้งเล่มตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย "ศาลาโกหก" จึงไม่ใช่นิตยสารรายสัปดาห์ รายทศ รายปักษ์ หรือรายสะดวก กำหนดออกไม่แน่นอนอยู่ที่ผมกับสำนักพิมพ์ "ผดุงศึกษา" ผู้ช่วยของผมในการเขียนหนังสือ "ศาลาโกหก" เสนอท่านมีเพียงคนเดียวคือเมียของผม ช่วยหาเหล้าและกับแกล้มไว้ให้ผมเวลาที่ผมแต่งหนังสือ นักเขียนชั้นยอดอย่างผมเวลาแต่งหนังสือต้องกินเหล้า แต่ไม่แต่งก็กิน เรื่องนี้ทำให้ผมเกิดการปะทะกับเมียของผมบ่อยๆ ซึ่งเขาหาว่าผมขี้เกียจ สันหลังยาว เอาแต่กินเหล้า เมาแล้วก็พูดพล่าม หาเรื่องทะเลาะกับใครต่อใคร บางทีก็ยืนขวางถนนท้าให้รถยนตร์ทับ บังเอิญเมียผมรีบออกไปดึงตัวเข้ามาริมถนนเสียก่อน แล้วบอกผมว่าตอนนี้ไม้ขึ้นราคาโลงแพงอย่าพึ่งตายเลย และตายเพราะถูกรถยนต์ทับนั้นน่าทุเรศ บางทีลิ้นแลบออกมาตั้งวา บางทีก็หัวขมองเละ บางทีก็ถูกรถยนต์พาครูดไปกับถนนตั้งร้อยเมตรเนื้อตัวเละเหมือนหมูบะช่อก็มี

ผมคุยกับท่านวันนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า มนุษย์เราส่วนมากมีชีวิตอยู่แบบ "ตีนถีบปากกัด" คือหากินตัวเป็นเกลียววันหนึ่งๆ เหงื่อออกตั้งห้าหกปี๊บแต่ยังไม่ใคร่จะพอรับประทาน บางคนก็หาเช้ากินค่ำ บางคนก็หาวันนี้กินพรุ่งนี้ บางคนหาตั้งหลายวันแต่ไม่ได้กิน แล้วแต่โชควาสนา แล้วแต่ดวงหรือพรหมลิขิต

ผมเองเขียนหนังสือขายมาเป็นเวลากว่า ๒๕ ปี แล้วไม่เคยมีเงินถึง ๑,๐๐๐ บาท ติดกระเป๋าหรือเก็บไว้ที่บ้าน เพราะค่าลิขสิทธิ์ของนักเขียนในเมืองไทยมันถูกมาก ทั้งนี้ก็เนื่องจากจำนวนหนังสือที่พิมพ์ขายไม่มากมายอะไร บางเรื่องพิมพ์ ๕,๐๐๐ เล่มส่งไปตามร้านหนังสือฝากเขาขาย แต่แล้วก็ขนกลับมาสำนักพิมพ์ตั้ง ๖,๐๐๐ เล่มก็เคยมี เรื่องของนักเขียนและสำนักพิมพ์มันเป็นยังงี้แหละครับ ผมยังชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเมียผมเขาช่วยเหลือประกอบอาชีพ ทำห่อหมกหมู ห่อหมกปลาช่อนหรือปลากรายกระเดียดกระจาดไปเร่ขายที่สถานีขนส่งสายใต้ในตอนบ่ายและตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาก๊ง มีกำไรวันหนึ่งประมาณ 20 บาท เป็นค่าหมากพลูของเขา และ เจียดมาเป็นค่าเหล้าของผมบ้าง บางทีก็เหลือห่อหมกมาให้ผมเป็นกับแกล้ม

แต่ความสุขของคนเราอยู่ที่สันโดษคือความพอใจในอัตภาพของตนเอง ผมไม่เคยคิดว่าผมจะต้องร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเงินแสนหรือเงินล้าน เพราะถึงคิดก็ป่วยการอีกในราว ๑๐ ปีผมก็คงเท่งทึงแล้ว ลูกเต้าก็เป็นฝั่งฝากันหมดแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับเมียผมช่วยกันทำมาหารับประทานไปวันๆ ก็สุขสบายดี ถึงไม่มีบ้านของตัวเอง เช่าบ้านเล็กๆ เขาอยู่บ้านก็เป็นสวรรค์ของผม ข้าวก็กินไม่เปลืองเพราะแก่แล้ว บางทีมื้อกลางวันก็ทำลืมมันเสียปล่อยให้มันผ่านไปประหยัดค่าอาหารกลางวันได้อย่างน้อย ๒ บาท

บางครั้งเมื่อผมนึกถึงอดีตผมก็เคยด่าหรือสาปแช่งตัวของผมเองที่ผมชอบปากกามากกว่ากระบี่ ทำไมผมถึงเป็นนักประพันธ์ ความโง่ของคนเรานั้นเกิดก่อนฉลาด ถ้าผมรู้ว่าอาชีพนักประพันธ์ของผมจะทำให้ผมไส้แห้งอย่างเขาว่าจ้างผมก็ไม่นั่งเขียนหนังสือให้เสียเวลา ผมจะมานะอดทนเรียนวิชาทหารจนได้ลากกระบี่เหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันซึ่งป่านนี้คือปัจจุบันนี้ผมอาจจะเป็นพลโทหรือพลเอกนั่งไขว่ห้างคาบซิก้าร์เต๊ะท่าอยู่ในรถเก๋งคันเบ้อเริ่มก็ได้

แต่โชควาสนาหรือดวงชะตาของคนเราไม่เหมือนกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้ผมก็สบายใจและมีความสุข เลิกดิ้นรนทะเยอทะยาน ไม่อิจฉาตาร้อนใคร มีความปรารถนาดีต่อมิตรสหายหรือเพื่อนร่วมอาชีพทุกคนตลอดจนผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับผม โดยเฉพาะท่านผู้อ่านผู้มีอุปการะคุณต่อผม

ท่านที่มีฐานะต่ำต้อยหรือยากจนเหมือนอย่างผม ก็ไม่น่าที่จะน้อยเนื้อต่ำใจอะไรนี่ครับ ประคองตัวของเราไว้อย่าให้มีหนี้สินเราก็พอจะมีความสุข เงินทองขาดมือตอนปลายเดือนก็พยายามรัดเข็มขัดไว้บ้าง หรือถ้าจำเป็นก็จำนำดีกว่าเป็นหนี้เขาเพราะถ้าเราเป็นหนี้ใครระยะเวลาที่เราจะต้องส่งดอกเบี้ยให้เขานั้นมันรวดเร็วเหลือเกิน ผมเองก็พึ่งเป็นไทแก่ตัวในปีนี้เพราะบังเอิญถูกล๊อตเตอรี่รางวัล ๕,๐๐๐ บาทเมื่อเดือนเมษายนที่แล้วมามีโอกาสได้ใช้หนี้เขา และ ไถ่ของออกมาจากโรงรับจำนวน โดยมากเป็นของเมียเขาแหละครับ เมื่อผมไม่มีเงินใช้ผมก็อ้อนวอนเขาขอยืมเขาไปจำนำ สร้อยคอบ้าง แหวนทองบ้าง บางทีก็สร้อยข้อมือ

ถึงอาชีพการประพันธ์ช่วยตัวไม่ได้ผมก็รักงานของผมอย่างฝังจิตฝังใจเสียแล้ว ผมจะเขียนหนังสือไปจนกว่าผมจะเท่งทึง ขณะนี้ตลาดหนังสือของเราก็ทำท่าจะคึกคักแจ่มใสขึ้น นักเขียนหนุ่มๆ หลายคนเช่น อาจินต์ ปัญจพรรค์ หรือ สุรพล โทณวนิก กำลังวิ่งขึ้นหน้าผมไป เพราะเขาหนุ่มกว่า….แข็งแรงกว่า….ว่องไวกว่า และ ไปได้เร็วกว่าผม ผมลองซื้อเรื่องของนักเขียนทั้งสองคนนี้มาอ่านดูก็รู้สึกว่าเขาเขียนได้สนุกน่าอ่านจริงๆ ส่วนนักเขียนผู้หญิงของเราก็เขียนเรื่องได้ดีเกินกว่าที่ผมจะคาดหมายเป็นต้นว่า ชูวงค์ ฉายะจินดา หรือ สีฟ้า ลดาวัลย์ ซึ่งผมยอมรับว่าผมอ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ ครับ

ผม….นักเขียนแก่ขอสนับสนุนนักเขียนหนุ่มสาวทุกท่านขอให้มีความเจรญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งๆ

สวัสดี
ป.อินทรปาลิต
พ.ศ.๒๕๐๙





All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.