เฮฮากับสามเกลอ |
ป.อินทรปาลิต
"ยังไงลูก" ท่านเจ้าคุณถามยิ้ม ๆ "ได้ข่าวว่าเจ้าเรียนคำนวณเก่งมากไม่ใช่หรือ"
ดำรงทายาทของนายแพทย์หนุ่มยิ้มอาย ๆ พ่อหนูน้อยนุ่มนิ่มเหมือนกับเด็กผู้หญิง สวมแว่นสายตาสั้นกรอบทอง
"หนูเป็นลูกคุณพ่อ หนูก็ต้องเก่งเหมือนคุณพ่อน่ะซิครับ หนูทำพีชคณิตได้แล้วฮะ"
"หา" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ลืมตาโพลง "เจ้าพึ่งเรียนจบชั้นมัธยมสองเท่านั้น พีชคณิตน่ะเขาเรียนมัธยม ๔"
ดำรงหัวเราะ
"ออไร๋น์ แต่หนูแอบไปเรียนพิเศษกับอาจารย์ครับ"
กิมหงวนหัวเราะก้ากมองดูดำรงด้วยความเอ็นดู
"โม้ละ เจ้าดำรง"
ดำรงลืมตาโพลง
"ผมเรียนจริงฮะ คุณลุง"
"ชะ ชะ ลองทำโจทย์ง่าย ๆ ให้ลุงดูหน่อยเถอะวะ"
"เอาซีฮะ ถ้าทำไม่ได้ผมยอมให้คุณลุงเตะผมเลย"
คณะพรรค ๔ สหายต่างหัวเราะชอบอกชอบใจไปตามกัน กิมหงวนพยักหน้ากับลูกชาย ดร. ดิเรกซึ่งเปรียบเหมือนหลานในไส้ของเขา
"เอ็งลองคิดให้ลุงดูหน่อย......ง่า........ควายตัวหนึ่งเทียมเกวียนเล่มหนึ่งเดินทางไปในระยะ ๑๐ ไมล์ อยากทราบว่าควายกับเกวียนเล่มนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร"
ภายในห้องโถงเงียบกริบ สายตาทั้งหมดจ้องมองมาที่พ่อหนูน้อยดำรงเป็นตาเดียว ดำรงยิ้มอย่างภาคภูมิ ยกมือไขว้หลังเดินวนเวียนไปมารอบห้องโถง
"โจทย์พรรค์นี้มันง่ายเกินไปสำหรับผมครับคุณลุง"
อาเสี่ยหัวเราะ
"เออ ก็ลองทำให้ลุงดูหน่อยซี ถ้าเอ็งคิดได้ข้าให้ ๕๐๐ บาทเดี๋ยวนี้"
ดร.ดิเรกหัวเราะก้าก กล่าวกับลูกชายของเขาทันที
"เฮ้ - ยูต้องคิดให้ได้เพื่อแสดงให้ใคร ๆ เห็นว่ายูเฉลียวฉลาดเหมือนไอ"
"ออไร๋น์ ป๋า หนูต้องคิดได้แน่นอน ๒ บวก ๒ หนูยังทำให้เป็น ๕ ได้ด้วยวิชาแอลยิบร่า" แล้วดำรงก็หันมายิ้มกับเสี่ยหงวน "ฟังนะครับ ผมจะคิดโจทย์ของคุณลุงให้ฟัง คุณลุงตั้งโจทย์ว่า...... ควายตัวหนึ่งเทียมเกวียนเล่มหนึ่งเดินทางไปในระยะ ๑๐ ไมล์ อยากทราบว่าควายกับเกวียนเล่มนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร"
กิมหงวนหัวเราะ
"เออถูกแล้ว"
ดำรงล้วงกระเป๋าหยิบกางเกงขาสั้นหยิบชอล์กแท่งหนึ่งออกมา แล้วเดินไปที่ผนังตึกจัดแจงเขียนลงไปบนผนังนั้นด้วยลายมือที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
สมมุติให้ เอ๊กส์ เป็นควาย
สมมุติให้ วาย เป็นเกวียน
เอ๊กส์ บวก วาย เท่ากับ ควายเทียมเกวียน
คราวนี้เสียงตบมือและเสียงหัวเรอะดังไปทั่วบ้านพัชราภรณ์ ใคร ๆ ต่างพากันชมเชยปฎิภาณอันเฉียบแหลมของลูกชาย ดร. ดิเรก นวลลออกล่าวกับเสี่ยหงวนด้วยเสียงหัวเราะ
"เฮียตั้งโจทย์ส่งเดช พ่อดำรงแกก็ทำได้อย่างส่งเดชเหมือนกัน จ่ายรางวัลให้แกซีคะ"
กิมหงวนสั่นศีรษะช้า ๆ ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทปึกหนึ่งออกมา นพเดินเข้ามาหายื่นมือขวาออกไปให้อาเสี่ย กิมหงวนตีมือดังเพียะ
"ไม่ใช่เอ็ง ข้าให้ดำรงมัน เอ็งน่ะไม่ได้ความหร็อกสอบไล่ได้คะแนน ๕๐ เปอร์เซ็นต์พอดิบพอดี" แล้วกิมหงวนก็ส่งธนบัตรใบละร้อยบาทรวม ๕ ฉบับให้ดำรง ทายาทของนายแพทย์หนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม กล่าวคำขอบคุณแล้วรับเงินมาใส่กระเป๋ากางเกง
ประไพเรียกนพเข้ามาหาหล่อน
"มานี่ ลูกของแม่ แสดงภูมิศาสตร์อวดเขาบ้างซีลูกเจ้าเก่งวิชาภูมิศาสตร์ไม่ใช่หรือ"
นพหัวเราะ
"พูดแล้วจะว่าคุยครับคุณแม่ ผมต้อนครูภูมิศาสตร์เสียอยู่หมัดเลย บางทีปีหน้าผมจะแต่งตำราภูมิศาสตร์ขายครับ"
นิกรยกเท้าเหวี่ยงลูกแปถูกก้นลูกชายของเขาเบา ๆ
"มากไป เจ้านพ เอาแต่พอหอมปากหอมคอ เจ้าอวดว่าเก่งภูมิศาสตร์ พ่อจะลองถามความรู้เกี่ยวกับวิชาภูมิสาสตร์สักหน่อย เจ้าต้องตอบให้ได้นะ"
นพทำหน้าทะเล้นเช่นเดียวกับบิดาของเขา
"เอาซีครับ ถามไม่เกินความรู้ ม. ๓ ถ้าผมตอบไม่ได้คุณพ่อไม่ต้องมานับถือผม"
"อ้าว" นิกรอุทาน "นี่หมายความว่าทุกวันนี้น่ะข้านับถือเอ็งยังงั้นเหรอ อื้อ - ลูกสมัยยุคปรมาณูโว้ย" แล้วนิกรก็หัวเราะ "มา - ข้าจะลองเจ้าสักนิดเถอะ โลกที่เราอยู่นี้เกิดขึ้นจากอะไร"
นพผิวปากหวือ ร้องเป็นกลอนลิเกทันที
ฟังคำของพระบิดา
กระดิ่งเงินกุมาราตอบทันที
"เฮ้ย" นิกรตะโกนลั่น "ตอบเป็นร้อยแก้วโว้ย ไม่ต้องร้องเป็นยี่เก เอ - อ้ายนี่"
นพหัวเราะชอบใจ เดินมานั่งตักนันทาผู้เป็นป้าของแก
"โลกเราเกิดจากสะเก็ดของดวงอาทิตย์ครับ เป็นดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่ง ซึ่งเป็นบริวารของพระอาทิตย์ดวงนี้"
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ทำปากจู๋
"แล้วเสือกชี้มาที่กะบาลข้าทำไม"
เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงดังขึ้นอีก นิกรกล่าวถามลูกชายของเขาต่อไป
"คำตอบของเจ้าใช้ได้ ทีนี้เอ็งลองตอบพ่อซิ........ "แหลม" คืออะไรเช่นแหลมทองของเราเป็นต้น"
นพอมยิ้ม
"แหลมก็คือแผ่นดินที่ยื่นออกไปในน้ำ"
"เออ ถูกละ ภูเขาล่ะ ภูเขาคืออะไร"
นพตอบโดยไม่ต้องคิด
"ภูเขาก็คือแผ่นดินที่ยื่นขึ้นไปในอากาศ"
ดร. ดิเรกหัวเราะงอหาย นิกรทำหน้าชอบกล
"แล้วก็เหวล่ะเจ้านพ เหว คืออะไร"
ลูกชายของนายจอมทะเล้นพูดน่าตาเฉย
"เหวก็คืออากาศที่ยื่นลงในดิน"
นันทาผลักหลานชายหล่นโครมลงจากตักทันที
"โธ่ - เดี๋ยวแม่เขกหัวโนไปเท่านั้นเอง" หล่อนพูดเสียงหัวเราะ "แกนี่ไม่ได้ความเล้ย" แล้วหล่อนก็หันมายิ้มให้กับดำรง "ตอบป้าซีหนู ภูเขาคืออะไร"
ลูกชายของนายแพทย์หนุ่ม ยกมือเท้าสะเอวแล้วพูดฉาดฉาน
"ถ้าให้ผมตอบผมก็ต้องตอบแบบนักศึกษา ไม่ใช่ตอบแบบนักเรียนเล็ก ๆ ผมจะอธิบายให้คุณป้าฟัง ง่า - โลกที่เราอยู่นี่คือพื้นที่ชิ้นหนึ่งของดวงอาทิตย์ที่หลุดกระเด็นออกมาและลอยอยู่ได้ก็ด้วยความดึงดูดของดวงอาทิตย์นั่นเองคุณป้าจะต้องเข้าใจเรื่องพระอาทิตย์กับบริวารหรือโซลาซิสเต็มเสียก่อน"
นันทาโบกมือ
"พอแล้ว พ่อมหาจำเริญ นั่ง - นั่งได้"
ทุกคนหัวเราะชอบอกชอบใจไปตามกัน ก่อนที่ใครจะพูดอะไรอีก เจ้าแห้วก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดกลางสองใบเดินเข้ามาในห้องโถง และละม่อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามมาอีกสองใบ
"เฮ้" สมนึกร้องลั่น "เอากระเป๋ามานี่ อย่าเพิ่งเอาข้างบน ฉันจะเอาของเล่นออกก่อน"
กระเป๋าเสื้อผ้าทั้ง ๔ ใบ ถูกวางลงกลางห้อง พ่อหนูน้อยต่างเดินมานั่งห้อมล้อมกระเป๋าของตนแล้วเปิดกระเป๋าออกต่างหยิบกล่องขนมปัง ช็อกโกแลต และของเล่นออกมา สมนึกหยิบหัวล้านจำลองอันหนึ่งขึ้นมาสวมศีรษะ
"เฮ้ย" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เอ็ดตะโร "เอาออกไป เอ - ไอ้นี่ทลึ่งจริงโว้ย ล้อปู่ย่าตายายไม่รู้จักบาปกรรม ไปเอาจากไหน หา"
สมนึกหัวเราะถอดหัวล้านออกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าตามเดิม
"เตี่ยซื้อให้ผมครับให้เจ้าแห้วเอาไปให้ผมที่โรงเรียน"
กิมหงวนแกล้งร้องเพลงกลบเกลื่อน เจ้าคุณัจจนึก ฯ โกรธจนตัวสั่น เอื้อมมือหยิบแอ๊ปเปิลในชามผลไม้ข้างตัวท่านเงื้อมือสุดแขนขว้างถูกหน้าอกเสี่ยหงวนดังอั้ก
"นี่แน่ะมีอย่างที่ไหนสอนให้ลูกหลานทลึ่งกับผู้ใหญ่"
อาเสี่ยยิ้มแห้ง ๆ
"ธรรมดาลูกไม้ก็ต้องหล่นไม่ไกลต้นซีครับ"
นพผิวปากอย่างสบายใจในทำนองเพลง "มารหัวใจ" แกหยิบซิการ์ในกระเป๋าเสื้อผ้าของแกมวนหนึ่งขึ้นมาคาบ พลแลเห็นก็จุ๊ย์ปาก
"นั่นอะไรเจ้านพ ส่งมานี่ซิ ริอ่านสูบซิการ์หรือนี่"
นพหน้าจ๋อย ไม่กล้าสบสายตานายพัชราภรณ์ คลานเข้ามาส่งซิการ์ให้
"ฝรั่งพวกอีฟต้าเขาไปเยี่ยมโรงเรียนครับ"
พลเงยหน้ามองนายแพทย์หนุ่ม
"อีฟต้า - - - อะไรวะหมอ"
ดร. ดิเรกอธิบายให้ทราบ
"อีฟต้าคือสมาคมอาชีพครูระหว่างชาติ ย่อมาจาก........เฟตเตอเรชั่น ออฟ อโซซิเอชั่นส์"
นายพัชราภรณ์ก้มลงมองดูหลานชายของเขา
"ฝรั่งพวกนี้เขาให้ซิการ์เจ้ายังงั้นหรือ"
นพยิ้มแห้ง ๆ
"ครับ เขาเที่ยวถามนักเรียนทั้งห้องทีละคนว่า.....ว๊อท อิส ยัว เนม"
พลยิ้มเล็กน้อย
"ไม่มีใครพูดฝรั่งเป็น"
"ครับ นักเรียนทั้งห้อง ๔๒ คนมีผมตอบได้คนเดียวเท่านั้น"
นิกรดีดมือแป๊ะ
"ลูกพ่อแน่ไปเลย มันต้องยังงั้นซิวะ เจ้าตอบเขาว่ายังไงลูก"
นพยิ้มอาย ๆ
"ผมตอบเขาว่า.......โอเคซิกาแร็ตครับ เขาเลยดึงซิการ์มวนนี้ออกมาจากกระเป๋าส่งให้ผมเป็นรางวัล แล้วเขายังตบหัวผมด้วยครับ"
คณะพรรค ๔ สหายหัวเราะชอบอกชอบใจไปตามกัน เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เอื้อมมือดึงซิการ์ไปจากมือพล ยกขึ้นพิจารณาดูตราซิการ์มวนนี้
"อือ ยังงี้แพงมาก มวนหนึ่งตั้งเกือบ ๑๐ บาท ซิการ์ชั้นสูงนี่หว่า" แล้วท่านก็ยิ้มให้นพ "ให้ตาสูบเถอะนะนพ"
นพพยักหน้า
"เอาซีครับ เพื่อคุณตาที่รักหนูยินดีสละให้"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หยุดยิ้มทันที ท่านยกซิการ์ขึ้นกัดตอนหัวของมันออกทิ้งเล็กน้อย เอื้อมมือหยิบไม้ขีดไฟบนโต๊ะขึ้นจุดสูบพ่นควันโขมงในทีท่าสบายใจ คุณหญิงวาดลอบค้อนปะหลับปะเหลือกเพราะเหม็นควันซิการ์ ทะโมนทั้ง ๔ ยกมือปิดปากหัวเราะไปตามกัน สมนึกพยักพะเยิดกับเพื่อเกลอของแก
"เฮ้ย ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกันเสียก่อนเถอะวะ ประเดี๋ยวจะได้เล่นชักว่าวกัน"
นิกรทำคอย่น
"ชักว่าวกันอีกแล้ว อุตริเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง สายป่านไปติดสายไฟฟ้าเข้าก็จะทำให้ไฟช๊อท ไป ๆ ๆ ไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่ากันเสียที"
พ่อเทวดาทั้ง ๔ พากันลุกขึ้นยืนเดินรวมกลุ่มขึ้นบันไดไปชั้นบน เจ้าแห้วกับละม่อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามขึ้นไปด้วย ๔ ทะโมนหยุดยืนที่คั่นพักบันได จ้องตาเขม็งมองดูชะตากรรมของเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ซึ่งกำลังสูบซิการ์พ่นควันโขมง ถูกละ ซิการ์มวนนี้ฝรั่งพวกอีฟต้าได้ให้ตานพไว้ด้วยความเอ็นดูโดยไม่มีความหมายอะไรยิ่งไปกว่านี้ นพกับสมนึกช่วยกันเอามีดเล็ก ๆ คว้านใบยาออกเป็นโพรง แล้วเอาประทัดญี่ปุ่นดอกหนึ่งยัดเข้าไปกลางมวนซิการ์ เอาเศษใบยาอุดไว้ให้เรียบร้อย ประทัดญี่ปุ่นดอกนี้เป็นประทัดที่ใช้ในการแสดงละครเวทีที่โรงเรียนของนักเรียนชั้นสูงในวันปิดภาค นพได้ขโมยเอามาและเป็นผู้วางแผนการเอาประทัดใส่ซิการ์
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กล่าวถามเจ้าคุณปัจจนึก ฯ
"เป็นยังไงครับเจ้าคุณ รสดีไหม"
"โอ๊ะ วิเศษเลยครับ ใบยาอย่างนี้หอมหวลชวนสูบมาก เมื่อก่อนสงครามผมเคยสูบมาพักหนึ่ง แต่พอมันขึ้นราคาเรื่อย ๆ ผมก็สูบไม่ไหว เลยต้องล่ออ้ายราคาย่อมเยาว์หน่อย" พูดจบเจ้าคุณก็ดูดซิการ์ค่อนข้างแรง
สี่ทะโมนจ้องตาเขม็งมองดูเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ทุกคนเม้มปากแน่น ประกายนัยน์ตาแจ่มใสผิดปกติ ดำรงหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวเสียงประทัด
ทันใดนั้นเองไฟบุหรี่ก็ลามถึงชะนวนประทัดญี่ปุ่นซึ่งบรรจุไว้ในซิการ์ เสียงระเบิดขนาดเสียงปืนพกดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
"ปัง"
คุณหญิงวาดและ ๔ นางร้องว้ายพร้อม ๆ กัน อาเสี่ยร้องไอ๊ย่าอย่างลืมตัว ทุกคนสดุ้งเฮือกอกสั่นขวัญแขวน ซิการ์ม้วนนั้นแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใบหน้าของเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ถูกดินปืนประทัดดำไปหมดทั้งแถบ ท่านเจ้าคุณนั่งนิ่งเฉย ทำตาปริบ ๆ
พ่อหนูน้อยทั้ง ๔ ต่างโกยอ้าววิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนของตัวตึกอย่างไม่คิดชีวิต พวกคุณพ่อของหนูน้อยมองดูเจ้าคุณปัจจนึก ฯ แล้วต่างหัวเราะงอหาย เจ้าแห้วกับละม่อมวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนพื้นทรุดตัวนั่งยอง ๆหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลไปตามกัน................
All contents in this web site are intended for private use and educational purpose only. Our main objectives are to promote SamGler to cyberspace surfers and to memorize Por Intalapalit, one of the greatest writers in Thai fiction history.